THE THEORY OF TIMES

     คราวนี้ ผมจะมาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของความเป็นไปได้เชิงเหตุการณ์ที่ผิดเพี้ยนกันบ้างนะครับ โดยก่อนหน้านี้ ผมจะเน้นไปที่การอธิบายแบบ BE (Butterfly Effect) เท่านั้น แต่ในบทความนี้ ผมจะมาพูดถึง แนวคิดอีกแนวคิดหนึ่ง ที่คนส่วนใหญ่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง และ วันนี้ผมจะนำมันมาเล่าให้คุณผู้อ่านที่สนใจได้ฟังกันครับ

 

 ปรากฏการณ์ที่ว่า่นั้นก็คือ "ปรากฏการณ์ความขัดแย้งของเวลา"  โดยหลายคนอาจจะเคยได้ัยินทฤษฎีที่เรียกว่า "Grandfather paradox" กันไปบ้างแล้ว หากใครที่ได้ติดตาม และ ศึกษาเรื่องราวนี้คงรู้จักเป็นอย่างดี คราวนี้ ผมจะมาอธิบายแนวคิดเชิงลึกที่รองรับแนวคิดนี้กันบ้าง 

     เนื่องจากเวลาจะมีกลไกการปกป้องสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติได้อย่างรัดกุม ของทั้งเหตุการณ์ และ ของสิ่งที่เกินจะควบคุม โดยตามหลักทางฟิสิกส์ทุกข้อ สิ่งที่เป็นหลักการขั้่นพื้นฐานก็ขอ "ความเป็นจริง ความถูกต้องที่สามารถอธิบายได้" นั่นแหละคือ หลักการขั้นพื้นฐาน จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในธรรมชาติ ที่ไม่มีหลักที่ถูกต้อง หรือ ความจริง เช่น คนจะใช้กระด้งบิน เป็นต้น

     ดังนั้น เนื่องจากตัวแนวคิดของ Grandfather Paradox คือ การที่ตัวเราย้อนกลับไปอดีตและทำให้ปู่ไม่ได้เจอกับคุณย่า และเราไม่ได้เกิดขึ้้น แล้วตัวเราจะย้อนกลับไปอดีตเพื่อทำให้คุณปู่ไม่ได้เจอกับคุณย่าได้อย่างไร 

      ซึ่งนั่นเอง คือสิ่งที่แนวคิดเรื่อง ความขัดแย้งของเวลา จะอธิบายเรื่องนี้ โดยตัวแนวคิดเองบอกไว้ว่า 

     "เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากทิศทางของเหตุการณ์เดิม กลไกของเวลาจะควบคุม และปรับผลของเหตุการณ์ให้ดำเนินไปในทิศทางเดิมเสมอ" 

     ซึ่งนั่นหมายความว่า แม้เราจะทำให้ปู่ไม่ได้เจอกับคุณย่าก็จริง อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างหลังจา่กนั้น จนทำให้คุณปู่้ กับ คุณย่า ต้องได้เจอกันอย่างแน่นอน ในวันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากทิศทางเดิมนิดหน่อย เนื่องจากมันได้ถูกกระทบจนเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว เหมือนกับเรา โยนก้่อนหินลงไปในน้ำ และทำให้เกิดคลื่นบนผิวน้ำ แต่แม้เราจะทำอย่างไร ผลกระทบที่เกิดจากก้อนหินนั้น จะไม่มีทางมากพอที่จะสามารถเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำได้เลย

     ดังนั้น จึงเป็นการพิสูจน์ว่า แม้เราจะสามารถเดินทางกลับไปอดีต ท่องไปในกาลเวลาอย่างไร แต่สุดท้าย เราก็ไม่มีอำนาจพอที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของเหตุการณ์ที่เป็นผลมาจนถึงปัจจุบันของเราได้เลย เราเองก็คงเหมือนก้อนหินที่มีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับอำนาจอันใหญ่หลวงที่เวลามีต่อผลกระทบของเหตุการณ์